EU เตรียมเปิดใช้งานระบบพรมแดนดิจิทัล EES ตั้งแต่ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

10/09/2025 15:55 Views: 215
 
EU เตรียมเปิดใช้งานระบบพรมแดนดิจิทัล EES ตั้งแต่ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป


สหภาพยุโรป (EU) ประกาศว่าจะเริ่มนำระบบพรมแดนดิจิทัลใหม่ที่เรียกว่า Entry-Exit System (EES) มาใช้งานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยระบบดังกล่าวจะถูกบังคับใช้กับนักเดินทางทุกคนที่ไม่ได้ถือสัญชาติของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (non-EU) ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางเข้าสู่เขตเชงเก้นเพื่อการพำนักระยะสั้นด้วย 


การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการยกเลิกวิธีการตรวจสอบการเดินทางแบบเดิมที่ใช้การประทับตราพาสปอร์ต และหันมาใช้การเก็บข้อมูลเชิงดิจิทัลเพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและสร้างความทันสมัยให้กับการจัดการพรมแดนของยุโรปมากยิ่งขึ้น


ระบบ EES จะบันทึกข้อมูลการเดินทางเข้าและออกจากเขตเชงเก้น โดยใช้เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลชีวมิติ (Biometrics) เช่น การสแกนใบหน้าและการสแกนลายนิ้วมือควบคู่กับการอ่านข้อมูลจากหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์


นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่เขตเชงเก้นเป็นครั้งแรกหลังจากวันที่ระบบมีผลบังคับใช้ จะต้องลงทะเบียนข้อมูลดังกล่าว ณ จุดผ่านแดน ไม่ว่าจะเป็นที่ตู้คีออสก์อัตโนมัติหรือกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง การดำเนินการครั้งแรกอาจใช้เวลานานกว่าปกติเนื่องจากต้องเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมด


อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่ถูกบันทึกจะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 3 ปี ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางครั้งต่อไปสามารถผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองได้รวดเร็วขึ้น


สำหรับนักท่องเที่ยวไทย แม้จะมีการเก็บข้อมูลชีวมิติในขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นอยู่แล้ว แต่เมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศสมาชิกเชงเก้นหลังวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ก็ยังคงต้องทำการลงทะเบียนซ้ำในระบบ EES อีกครั้งในครั้งแรกที่เดินทางเข้า ทั้งนี้เงื่อนไขการขอวีซ่าเชงเก้นยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีการยกเว้น และผู้เดินทางต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าเอกสารการเดินทางและวีซ่ายังมีผลบังคับใช้


ระบบ EES จะทยอยเปิดใช้งานตามด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศต่าง ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่านตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2568 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2569 ในช่วงเวลาดังกล่าว นักท่องเที่ยวยังคงอาจพบการประทับตราพาสปอร์ตจากเจ้าหน้าที่ในบางจุดตรวจอยู่ 


แต่เมื่อพ้นจากช่วงเปลี่ยนผ่านแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2569 เป็นต้นไป ระบบ EES จะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในประเทศสมาชิกเชงเก้นทั้งหมด 29 ประเทศ และการประทับตราพาสปอร์ตแบบเดิมจะถูกยกเลิกอย่างสิ้นเชิง


การนำระบบใหม่นี้มาใช้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง ลดปัญหาการอยู่อาศัยเกินกำหนดวีซ่า เพิ่มความสะดวกและความแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูลผู้เดินทาง รวมถึงพัฒนากระบวนการจัดการพรมแดนให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล


แม้ในระยะแรกอาจทำให้ขั้นตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลานานขึ้น แต่ในภาพรวมแล้วระบบ EES จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการเดินทางเข้าสู่ยุโรปให้ราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้นในระยะยาว นักท่องเที่ยวไทยที่มีแผนเดินทางไปยุโรปตั้งแต่ปลายปี 2568 จึงควรเตรียมความพร้อม ศึกษาขั้นตอนใหม่ และเผื่อเวลาในการเดินทาง เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่นไม่สะดุด


แผนกบัตรโดยสารและราคา

www.kmt.co.th 





Read more...


Read more...